ความรู้สึกสีหม่นๆ ของคนสองคนที่อยู่ด้วยกัน, เคยสงสัยไหมว่าเทพนิยายที่ตอนจบแล้ว เจ้าชายได้ครองรักกับเจ้าหญิง หรือไททานิคถ้าแจ็คไม่ตายซะก่อนก็คงจะได้รักกับโรส ไม่ก็ละครไทยหลายเรื่องที่ตอนจบนั้นพระ-นางต้องได้แต่งงานกัน คำถามก็คือ แล้วหลังจากนั้นล่ะเรื่องราวมันเป็นยังไง Blue Valentine คือภาพยนตร์ที่สื่อให้เห็นถึงช่วงต่อของเหตุการณ์บนความรักที่ยิ่งใหญ่ และราบรื่นว่าเวลาหลังจากนั้นชีวิตของคนที่รักกันนั้นเป็นไปแบบไหน วันวาเลนไทน์ (Valentine) ที่ผ่านมา หรือทุกๆ ปีคงเป็นวันที่มีค่าแห่งความจดจำสำหรับหลายๆ คู่รักทุกช่วงอายุทุกวัย แต่คงไม่ใช่สำหรับ ดีน (Ryan Gosling) หนุ่มวัยกลางคนที่ได้ตกลงแต่งงานกับ ซินดี้ (Michele Williams) ผ่านเนื้อเรื่องที่ตัดสลับไปมาระหว่าง ปัจจุบันที่สับสน กับอดีตที่หวานชื่น สำหรับดีนเขารู้ดีว่าทุกวันที่ดำเนินอยู่จนถึงปัจจุบันผู้หญิงที่เขารักได้หมดรักแล้ว หรือลึกๆแล้วเธออาจจะไม่เคยรักเขามาตลอดเลยก็เป็นได้ ดีนตัดสินใจใช้คืนแห่งความสุข เพื่ออยู่ด้วยกันกับซินดี้ เพื่อเยียวยาความรักระหว่างกัน แม้ว่าใจความของ Blue Valentine จะพูดถึงเรื่องราวของความรักที่มืดหม่่น และไม่ได้ราบรื่น สวยงามอีกต่อไป เป็นแกนกลางของพลอต แต่ตัวหนังกลับเลือกที่จะสลับฉากระหว่าง ช่วงเวลาแห่งความสุข และทุกข์ระทมของทั้งคู่ ไปมาให้คนดูได้เห็นภาพความรักอันน่าประทับใจของทั้งคู่ และกลับมาถึงสภาพของความเป็นจริงในชีวิตที่อะไรก็ไม่ได้เป็นดั่งที่ฝันไว้ในตอนเริ่มต้น “ครั้งหนึ่งเราเคยรักกันมาก แต่แล้ว เวลานานไปอีกฝ่ายก็หมดรักไป คนเราเปลี่ยนไป, ประเด็นมันอยู่ที่ผมไม่เปลี่ยนสักที นั่นแหละมั้งคือปัญหาของเรา”
นี่คือใจความของภาพยนตร์เรื่องนี้
ที่อธิบายได้ชัดเจนถึงความเปลี่ยนไป หรือเหตุผลที่ผู้หญิงเปลี่ยนไป อาจจะเพราะเธอไม่ได้รักเขาแต่แรก
แต่แค่ประทับใจ สงสาร เห็นใจ
หรืออาจจะเพราะการที่ไม่ยอมปรับตัวของฝ่ายชายก็เป็นไปได้
ซึ่งก็เป็นโจทย์ที่คนดูอาจจะต้องตั้งขึ้นมาแล้วถามตัวเองว่าดูภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว
สะท้อนอะไรของชีวิตเราบ้าง Blue Valentine เป็นภาพยนตร์ของ
Hollywood
เรื่องแรกที่มีการยื่นอุทธรณ์ Rating จาก NC-17 เป็น R ได้ ภาพยนตร์ที่ขาย Dialog หรือบทสนทนาที่ทำได้น่าติดตามอย่าง Blue
Valentine อาจจะต้องตั้งใจฟัง
เหมือนเราไปอยู่ร่วมเหตุการณ์ของคนทั้งคู่ในคืนแห่งความรัก แม้ว่าเราจะทราบดีแน่นอนว่า
ภาพยนตร์ Blue Valentine นั้นจะจบลงยังไง
ตั้งแต่แรกแต่ก็ไม่ได้ทำให้อรรถรสในการรับชมลดลงเลยแม้แต่น้อย
ตัวเรื่องยังคงสอดแทรกเรื่องราวและความน่าติดตามผ่านความรู้สึกที่ทั้งสองได้
เผยออกมาให้ผู้มได้ปราบปลื้มใจ อึดอัด หดหู่ ผ่อนคลาย และลงท้ายที่ความเข้าใจ
และเห็นใจครั้งหนึ่งหลายคนคงจะเคยผ่านช่วงเวลาที่ความรักพองโต
ช่วงเวลาแห่งความสุข
ช่วงเวลาที่ไม่จำเป็นต้องมีอะไรอื่นเลยนอกจากคนที่เรารักยืนอยู่ตรงหน้า
และก็หลายคนเช่นกันที่น่าจะรู้ดีว่า ช่วงเวลาแบบนั้นอาจจะต้องเผื่อใจ แม้ว่าเราจะเปลี่ยนไป หรือไม่เปลี่ยน
เพราะสุดท้ายหากว่าฝ่ายหนึ่งหมดรักไป หรือจริงๆ ไม่เคยรักมาแต่แรกเลย
เงื่อนไขมากมาย ที่จะปรากฏขึ้นพร้อมกับเวลาที่สะสมไปยาวนาน
แม้ว่าทั้งคนทั้งสองจะพยายามรื้อฟื้นความหลัง และความสัมพันธ์แสนหวานให้กลับมา
ก็คงจะไม่สามารถช่วยอะไร นอกจากเก็บความรักสีหม่นๆ
ของคนทั้งคู่ไว้ในส่วนหนึ่งของหัวใจกันและกันตลอดกาล
และพยายามนึกถึงเรื่องราวเหล่านั้นให้น้อยที่สุด
ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ Blusterfilms
ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น