รีวิว Eagle Eye แผนสังหารพลิกนรก | มันจริง มึนจริง

 


Shia Labeouf ปีนี้ก็ดูโตขึ้นมานิดนึง ต้องมารับบทคู่กับ Michelle Monaghan เธอเคยเล่นเป็นนางเอกในเรื่อง Made of Honor ในที่สุด ก็ได้เวลาเข้าโรงหนังอีกครั้ง หลังเว้นวรรคมา 2 อาทิตย์เศษ ช่วงที่ผ่านไม่รู้จะดูอะไรจริงๆ ก็เลยได้แต่เช่าหนังบ้าง ยืมดีวีดี “เดี่ยว 7” มาดูบ้าง ฮากันไปหลายตลบ กว่าจะพบหนังที่อยากพอตัวเองไปดูในโรง ‘Eagle Eye’งานใหม่ล่าสุดจากหนุ่มพระเอก ‘Transformers’ หนุ่มตัวเล็ก Shia Labeouf ที่ปีนี้ก็ดูโตขึ้นมานิดนึง ต้องมารับบทคู่กับ Michelle Monaghan ที่ชื่อเธอคุ้นหูมาก ที่แท้เธอเคยเล่นเป็นนางเอกในเรื่อง ‘Made of Honor’ ที่ยังไม่ออกจากโรงนี่เอง (แต่เรื่องนี้ ผมยังไม่ได้ดูนะ)

หลังจากได้ดูตัวอย่างในโรง และก็มาดูตัวอย่างในเว็บอีกที เกิดความรู้สึกอยากดูขึ้นมา หลังจากที่ช่วงนี้ไม่ค่อยมีอะไรให้อยากสักเท่าไหร่ ก็เลยจัดการจองตั๋วไว้ซะ 2 ใบ ใกล้เวลาก็ค่อยเดินไปรับตั๋ว แล้วก็เดินกลับมากิน Yamane กับหมูน้อยสองต่อสอง พอได้เวลาก็เดินกลับไปที่โรงใหม่ไม่รู้จะเดินกลับไปกลับมาทำไม อ้อ คงเพราะฝั่งนั้นไม่มีอะไรถูกๆ ให้กิน


เอาเป็นว่า ครานี้ผมก็ไปดูโรงไฮโซเช่นเคย สยามภาวาลัยโรงประจำของผมนั่นเอง โรงใหญ่ แต่ดูจะไม่ค่อยเต็มโรงนักนะ โดยเฉพาะช่วงตั๋วถูกสุด
140 บาทนี่ คนน้อยไปหน่อยนะ แปลกใจว่า หนังไม่ชวนดู/ไม่มีกระแสเท่า ‘The Dark Knight’ ละมั้ง เรื่องนั้นเห็นฉายอยู่นานเป็นเดือนเชียว “Eagle Eye” ก็เป็นหนังประมาณแอ็คชันไซไฟ ที่มีเนื้อหาค่อนข้างซีเรียส เพราะไปหยิบจับเอามุมด้านการก่อการร้ายเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ทำให้มันออกมาไม่ดูเป็นหนังซีเรียสอะไรขนาดนั้น การดำเนินเรื่องส่วนใหญ่ เจาะจงไปที่การเอาตัวรอดและการตัดสินใจของสองตัวเอกมากกว่า เมื่อ Jerry Shaw (Labeouf) พบว่าพี่ชายที่ไม่ได้ติดต่อกันมา 3 ปีตายด้วยอุบัติเหตุ นั่นเป็นครั้งแรกที่เขากลับบ้าน แต่ชีวิตอันบัดซบของหนุ่มน้อยก็ต้องเปลี่ยนผันสุดขีด เมื่ออยู่ดีๆ บัญชีเงินที่แทบไม่เหลือให้ถอน กลับมีเงินมากมายก่ายกอง กลับห้องพบกับกองพัสดุประหลาดอยู่เต็ม อาวุธสงครามทั้งนั้น! พร้อมๆ กับโทรศัพท์จากสาวแปลกหน้าเข้ามาสั่งทำให้ทำโน่นทำนี่ ดูเหมือนเธอจะรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำมา และทุกสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ไม่ใช่เพียงคนเดียว ยังมีผู้หญิงอีกคนที่กำลังถูกสายลึกลับคุกคาม เธอจำต้องทำตามคำสั่งนั้น เพราะถูกขู่จะเอาชีวิตลูกชาย ไปๆ มาๆ คนสองคนนี้ที่ไม่รู้จักกัน ก็ต้องมาทำอะไรร่วมกันอย่างไม่เต็มใจในที่สุด โดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยแต่จำใจต้องทำ ถ้าไม่ทำทุกอย่างจะเป็นไปอย่างที่เสียงในสายนั้นขู่ ดูเหมือนเธอจะเห็นทุกอย่าง รู้ทุกอย่าง แถมสามารถติดต่อกับเขาและเธอได้ด้วยมือถือของใครก็ได้

 


ช่างเหลือเต่ก็ต้องจำใจชื่อ.. 

แน่นอน เรื่องราวดำเนินมาจนมีตัวละครรองเข้ามาเกี่ยวข้องอีกมากมาย และเริ่มเข้าสู่การเฉลยบางส่วนของที่มาที่ไป ไม่พ้นครับ ไม่พ้น หนังที่มีชื่อ “Steven Spielberg” เข้ามามีเอี่ยว ไม่พ้นต้องมีเรื่องเทคโนโลยีอันล้ำยุค ‘Eagle Eye’ คือชื่อโปรเจ็กต์ยักษ์และเป็นโปรเจ็กต์ลับ ที่เป็นสาเหตุของทุกสิ่งทุกอย่างของหนังเรื่องนี้ สิ่งที่คอยบงการชีวิตของสองตัวเอกในเรื่องนี้นั้น เกินกว่าจะปฎิเสธ เพราะนั่นหมายถึงความตาย สิ่งที่จะทำได้คือ การดิ้นรนสองทางพร้อมๆ กัน … ยอมตามเพื่อ

ยู่รอด  ผู้ชมน่ะหรือ… ก็ได้แค่ลุ้นเพื่อรอดูชัยชนะ ทำได้แค่นั้นแหละ ภาพยนตร์เรื่องนี้ สอนอะไรมนุษย์ผู้เบิ่งตาดูได้หลายอย่าง แล้วแต่ใครจะขบคิดในจุดใดได้บ้าง แต่สิ่งที่น่าจะได้ไปแน่นอน คือ การที่นั่งลุ้นตัวโก่งให้ตัวเอกอยู่รอดปลอดภัยได้ สลับไปกับมุขขำพอหึหึที่ทำให้คุณไม่ต้องเครียดกันจนเกินไปนัก แถมบางช่วงยังสลับด้วยฉากผ่อนคลาย ไม่ให้หัวใจของคุณต้องเต้นแรงตลอดเรื่องอีกด้วย เรื่องราวที่ค่อยๆ เฉลยมาทีละจุดสองจุด อาจจะต้องใช้สมองในการทำความเข้าใจตามไปบ้าง ยอมรับว่า มีมึนอยู่เล็กน้อยๆ แต่ก็ไม่ถึงกับตามเรื่องต่อไม่ได้ จุดเล็กจุดน้อยที่สงสัย ถามหมูน้อยเอา เพราะหมูน้อยเก่งเรื่องทำความเข้าใจหนังมากกว่าเรา…สุดท้าย แม้บางจุดจะดูหละหลวมไปบ้างในความสมจริง แต่เพื่อความบันเทิงและการดำเนินเรื่องตามกรอบของหนังสนุก มันต้องเป็นไปแบบนั้น

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ Blusterfilms

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

ความคิดเห็น